สธ.เตรียมปลดล็อก ‘แล็บเอกชน’ ตรวจหาฝีดาษลิงได้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจเชื้อ - ล่าสุดพบชายไทยเสี่ยงติดเชื้อ

สธ.เตรียมปลดล็อก ‘แล็บเอกชน’ ตรวจหาฝีดาษลิงได้ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจเชื้อ - ล่าสุดพบชายไทยเสี่ยงติดเชื้อ
Highlight

กระทรวงสาธารณสุขเตรียมปลดล็อกและยกระดับแล็บระดับ 2 หรือห้องแล็บทั่วไปสามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงได้ เพื่อรับรองให้แล็บเอกชนใช้งานได้เยอะขึ้น เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจหาเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดได้มากขึ้น ทั้งนี้ยังมีเพียงชายชาวไนจีเรียที่พบเป็นผู้ป่วยยืนยันรายเดียวในขณะนี้ ส่วนกรณีพบชายไทยอีกหนึ่งคนที่มีอาการคล้ายฝีดาษลิงแต่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยไนจีเรีย ยังอยู่ระหว่างการรอผลตรวจยืนยัน ผลวิจัยจากประเทศอังกฤษเผยว่า 95% ของผู้ป่วยฝีดาษลิงติดเชื้อจากกิจกรรมทางเพศ

20220728-a-01.jpg

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดทำประกาศเพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามเพื่อปลดล็อกให้ห้องแล็บระดับ 2 หรือแล็บทั่วไปสามารถตรวจหาเชื้อได้โรคฝีดาษลิงได้ โดยเพิ่มมาตรการความปลอดภัย หรือเรียกว่า ระดับ 2 + (สองบวก) ว่า เหตุผลที่แล็บทั่วไปยังไม่สามารถตรวจเชื้อฝีดาษลิงได้ เป็นไปเพื่อคงให้อยู่ในมาตรฐาน เพราะเชื้อฝีดาษลิงมีความเฉพาะเจาะจง และต้องใช้เทคนิคมากขึ้น

“ในช่วงบ่ายวันนี้ (27 ก.ค.) ผมจะเซ็นยกระดับให้แล็บระดับ 2 สามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงได้ และยืนยันว่า ขณะนี้ไทยยังพบผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว คือ ชายชาวไนจีเรีย” นายสาธิตกล่าว

ส่วนชายชาวไทยที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น จะต้องรอผลการยืนยันก่อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับที่ตนจะลงนามประกาศฉบับนี้ ให้แล็บทั่วไปสามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงได้ เพราะสมัยก่อนแล็บที่ตรวจได้จะมีแค่ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ และแล็บของกรมวิทยาศาสตร์ฯ เมื่อเราสามารถรับรองให้เอกชนเยอะขึ้น ก็จะสามารถตรวจเชื้อได้เยอะ และตรวจพบได้มากขึ้น นายสาธิต กล่าว

กทม.ตรวจสอบเชิงรุก ยันยังไม่พบเชื้อฝีดาษลิง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการป้องดันโรคฝีดาษลิงในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าได้ตรวจสอบแล้วไม่พบผู้ติดเชื้ออาศัยอยู่ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ตามที่ข่าวลือที่แพร่กระจายออกไป ซึ่ง กทม.เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ เพราะขณะนี้มีการแพร่ระบาดในประเทศต่าง ๆ เช่น อิสราเอลพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 100 ราย

เพราะฉะนั้นชุมชนที่มีความเสี่ยงต้องมีการตรวจเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งโรคฝีดาษลิงไม่ได้มีการติดเชื้อจากการแพร่กระจายในอากาศเหมือนโควิด-19 แต่มีการติดเชื้อจากการสัมผัสและเรื่องเพศสัมพันธ์ โดยมีกลุ่มเสี่ยงที่มาจากต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดอยู่ ซึ่งขณะนี้สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ให้ความรู้กับศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง พร้อมเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไว้พร้อมแล้ว

นายกฯ สั่งคุมเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่เป็นข่าวว่ามีผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อฝีดาษลิงมารักษายังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตนั้น ขอยืนยันว่า ยังไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่ม โดยขณะนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ยืนยัน ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงในจังหวัดภูเก็ตเพิ่ม ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อได้ผ่านการตรวจสอบแล้วไม่พบเชื้อ ซึ่งกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูงที่จังหวัดเฝ้าระวังอยู่มีทั้งหมด 33 คน ซึ่งทุกคนยังปกติ

โฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่มารับการรักษาเป็นผู้ป่วยชายไทย มีอาการไข้ และตุ่ม ผื่นขึ้นตามตัว จึงได้ตรวจหาเชื้อฝีดาษลิง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกลับผู้ป่วยชาวไนจีเรียรายแรก การค้นพบชายไทยคนนี้เป็นกลไกการตรวจจับโรคตามระบบสาธารณสุขที่ได้วางไว้ โดยชายคนดังกล่าว ขณะนี้รับการรักษาในโรงพยาบาลและได้มีการตรวจหาเชื้อ

ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการยืนยันจากห้องปฏิบัติการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระหว่างนี้ได้มีการแยกและกักตัวเพื่อรอดูอาการ ตามมาตรการเฝ้าระวังของทีมสาธารณสุข ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก

“พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวด ควบคุมมาตรการเฝ้าระวัง ในส่วนของ จ. ภูเก็ต มีมาตรการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงอย่างเข้มข้น ซึ่งหากโรงพยาบาลใดพบผู้ป่วยที่มีตุ่ม ผื่นแดง มารักษา ก็จะทำการตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงด้วย” โฆษกรัฐบาล กล่าว

สำหรับอาการฝีดาษลิงที่เข้าข่ายสงสัยจะต้องเฝ้าระวังในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงคือ มีไข้ตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียส หรือมีไข้ร่วมกับมีอาการหนึ่งอาการ ได้แก่ เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง และต่อมน้ำเหลืองโต ประกอบกับมีผื่นกระจายตามลำตัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด และเดินทางมาจากหรืออาศัยอยู่ในประเทศที่มีการรายงานการระบาดของโรคฝีดาษลิงในประเทศภายใน 21 วัน

ผลวิจัยอังกฤษชี้ผู้ป่วยฝีดาษลิง 95% ติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางเพศ

ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีน แมรี แห่งลอนดอน (Queen Mary University of London) ของอังกฤษ ระบุว่า ผู้ป่วยโรคไข้ฝีดาษลิงร้อยละ 95 ติดเชื้อผ่านกิจกรรมทางเพศในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย

คณะนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยควีน แมรี แห่งลอนดอน ได้เผยแพร่ผลวิจัย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ (The New England Journal of Medicine) เมื่อวันพฤหัสบดี จากการศึกษาตัวอย่างกลุ่มผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง 528 คนใน 16 ประเทศระหว่างวันที่ 27 เมษายน-24 มิถุนายนที่ผ่านมา

ผลวิจัยดังกล่าวชี้ว่า การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษวานรส่วนใหญ่ติดต่อผ่านทางกิจกรรมทางเพศในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโรคนี้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากสามารถติดต่อผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้เช่นกัน

ทั้งยังระบุว่า ในภาพรวม พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงร้อยละ 98 เป็นผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย มีร้อยละ 41 เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และมีอายุเฉลี่ย 38 ปี กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้เปลี่ยนคู่นอนโดยเฉลี่ย 5 คนในรอบ 3 เดือน และมีผู้ป่วยกว่าร้อยละ 30 ที่มีประวัติเข้าร่วมกิจกรรมทางเพศในสถานที่ต่าง ๆ เช่น งานปาร์ตี้ร่วมเพศและร้านซาวน่าในช่วงเดือนก่อนหน้านี้

ผลวิจัยดังกล่าวยังระบุว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงส่วนใหญ่มีอาการป่วยไม่รุนแรงและหายได้เอง ขณะนี้ ยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคฝีดาษวานร แม้มีผู้ป่วยร้อยละ 13 ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีรายงานว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีอาการรุนแรง ทั้งยังระบุว่า ผลวิจัยในครั้งนี้จะทำให้ทุกคนเข้าใจการระบาดของโรคฝีดาษวานรและกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ทั่วโลกสามารถติดตามผู้ป่วยรายใหม่ได้อย่างรวดเร็วและหาแนวทางป้องกันการระบาดของโรคนี้ต่อไป

ติดต่อโฆษณา!