ครม. เคาะ 8 มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่อีก 3 เดือน ถึง ก.ย. นี้

ครม. เคาะ 8 มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่อีก 3 เดือน ถึง ก.ย. นี้
Highlight

ที่ประชุมครม.เมื่อ 21 มิถุนายน 2565  เห็นชอบ 8 มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่ เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เจอผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ มาตรการลดค่าครองชีพรอบใหม่ เป็นเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2565 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่เจอผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
 
“ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนและภาคธุรกิจเร่งด่วน โดยมีทั้งมาตรการใหม่ และมาตรการเดิมที่สิ้นสุดอายุลงในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2565”

สำหรับมาตการลดค่าครองชีพรอบใหม่ มีด้วยกันดังนี้

1. ตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และให้สิทธิ์ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซ ได้ในราคา 13.62 บาทต่อกิโลกรัมเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ 16 มิถุนายน – 15 กันยายน 2565

2. กำหนดกรอบการขายปลีก LPG อยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม

3. การให้ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาทต่อเดือน

4. การให้ความช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน 

5. ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดอยู่ที่ 1.40 บาทต่อลิตร

6. ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในการขอให้นำส่งกำไรส่วนต่างที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน 

7. มาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยว เอกชนนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว อบรม สัมมนา จัดงาน ในเมืองหลักหักภาษีได้ 1.5 เท่า เมืองรองหักภาษีได้ 2 เท่า (ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2565)

8. ขอความร่วมมือการประหยัดพลังงานทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ และภาคขนส่ง

ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการ ส่วนการประเมินสถานการณ์นั้น เรื่องนี้คงไม่ได้สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ จึงขอให้ร่วมกันหารือเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ หากมีการยืดเยื้อออกไป เพื่อดูว่าจะช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องพลังงาน และอาหาร ถือเป็นการวางแผนในระยะยาว” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ต่อมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดว่า มาตรการที่ครม.เห็นชอบ มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2565 แยกเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 
 
1. มาตรการเดิม

  • ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG เดือนละ 15 บาทต่อถัง
  • ขยายระยะเวลาส่วนลดก๊าซ LPG แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่เกิน 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน 
  • ส่วนลดก๊าซ LPG  สำหรับหาบเร่เผงลอย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาทต่อเดือน 
  • ตรึงราคาก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาทต่อกก. สำหรับ แท็กซี่ ซื้อในราคา 13.62 บาทต่อกก. 
  • ตรึงราคาน้ำมันดีเซล กรณีที่ราคาเกิน 35 บาทต่อลิตร โดยรัฐอุดหนุนส่วนเพิ่ม 50%

2. มาตรการขอความร่วมมือ

  • ขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาด ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร 
  • ขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ส่งกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมัน แยกเป็น น้ำมันดีเซล ตรึงราคาขายปลีกให้ไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน นำไปลดราคาขายปลีก 1 บาทต่อลิตร 
  • ขอความร่วมมือให้ ปตท. ส่งกำไรส่วนหนึ่งของโรงแยก ก๊าซธรรมชาติเข้ากองทุนน้ำมัน

3. มาตรการประหยัดพลังงาน

  • ขอให้ภาคประชาชน ภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และหน่วยงานราชการ ประหยัดพลังงาน โดยหน่วยงานต่าง ๆ จะมีมาตรการมาสนับสนุน

4. มาตรการภาษี

  • สนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ นำค่าใช้จ่ายหักภาษี เมืองรองได้ 2 เท่า เมืองหลัก 1.5 เท่า เริ่ม 15 ก.ค. – 31 ธ.ค. 65 
  • สนับสนุนการจัดนิทรรศการ และงานแสดงสินค้าภายในประเทศ นำค่าใช้จ่ายหักภาษี 2 เท่า
ติดต่อโฆษณา!