29 พฤศจิกายน 2564
1,257

แบงค์ชาติคาดจีดีพี ปีหน้าอาจพลาดเป้า ผลกระทบจาก”โอไมครอน” ทำนักท่องเที่ยวหาย

แบงค์ชาติคาดจีดีพี ปีหน้าอาจพลาดเป้า ผลกระทบจาก”โอไมครอน” ทำนักท่องเที่ยวหาย
Highlight

แบ็งค์ชาติหวั่น “โอไมครอน” กระทบอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีหน้าพลาดเป้า โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวอาจลดลงมาก  หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตวัคซีนโมเดอน่า ยืนยันว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนออกมาใช้ได้ในปีหน้า ในขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกเริ่มยกเลิกทริป  เนื่องจากวิตกการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน


ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวใน งานเสวนา หัวข้อ : มองเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางโควิด - Thailand Economic Outlook 2022 อนาคตเศรษฐกิจไทย เมื่อ 29 พ.ย. นี้ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก กำลังเผชิญแรงเหวี่ยงใหม่ หลังจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ ที่ชื่อว่า "โอไมครอน" ทำให้หลายประเทศ กลับมาสู่การล็อกดาวน์ - ปิดประเทศอีกครั้ง 

ดร.ดอน คาดว่าการระบาดของ โอไมครอน จะกระทบอัตราการเติบโตของเศรษฐไทยในไตรมาสที่ 4/2564 และ ปี 2565 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ธปท. ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่า การเติบโตของ จีดีพี อาจจะสูงถึง 3.9% หรืออาจแตะระดับ 5% ภายใต้สมมุติฐานมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 10 ล้านคน 

ทั้งนี้ จากปัจจัยเสี่ยงใหม่ "โอไมครอน" คาดน่าจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวข้างต้น กังวลอาจมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย ไม่ถึง 6 ล้านคน ซึ่งปลายเดือน ธันวาคมนี้ ธปท. จะมีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง โดยนำปัจจัย โอไมครอน มาพิจารณาร่วมด้วย หลังจากคาดว่า จะทำให้หลายประเทศหันมาปิดประเทศอีกครั้ง 

สถานการณ์ของไวรัสพันธุ์ใหม่โอไมครอนยังไม่นิ่ง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาประเมินถึงปัจจัยหลายด้าน ซึ่งผลกระทบอาจจะไม่ใช่แต่จำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ต้องติดตามผลกระทบจากมาตรการของแต่ละประเทศ เช่น การกลับมาปิดประเทศ การล็อคดาวน์แบบเต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นหรือไม่ทำให้ไทยเองมีความกังวล เนื่องจากจีดีพีปีนี้ โตได้จากภาคส่งออกเท่านั้น 

แต่หากปีหน้า การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นอาจกระทบทั้งภาคการท่องเที่ยวและส่งออก และหากสถานการณ์ที่เลวร้ายสุด ธปท.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาแค่ 1-2 ล้านคน จะส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา อย่างไรก็ตามพบว่าระบบธนาคารพาณิชย์ยังมั่นคง แข็งแกร่ง 

ดร.ดอน กล่าวว่า ไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 20% ของจีดีพีถ้าหากมีผลกระทบจากส่วนนี้จะทำให้การเติบโตชะงักไปอีก 

หากนักท่องเที่ยวหายไป ประเมิน เศรษฐกิจไทยอาจใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัวกลับมา และภาครัฐจำเป็นต้องหา New S Curve  หรือ ตัวผลักดันเศรษฐกิจใหม่ๆ ในระยะยาว ทดแทนการท่องเที่ยว เช่น การให้ความสำคัญกับการลงทุน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตและศักยภาพของประเทศไทยในอนาคตได้ 

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวยกเลิกทริป 

บริษัททัวร์หลายแห่งเผยว่า นักท่องเที่ยวพิจารณาขอยกเลิกหรือเลื่อนทริปเดินทางออกไป หลังประเทศต่าง ๆ ออกมาตรการจำกัดการเดินทางล่าสุดเพื่อสกัดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีความเปราะบางอยู่ก่อนแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่มีการค้นพบโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนนั้น คิดเป็นอัตราส่วนเพียงเล็กน้อยของการท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้อิสราเอลกับญี่ปุ่นประกาศปิดพรมแดน ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกคนเข้าประเทศ ส่วนอังกฤษกับออสเตรเลียก็ออกมาตรการคุมเข้มผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนเพื่อรับมือกับโควิดสายพันธุ์ใหม่

นายเจเรไมอา หว่อง ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดแห่งบริษัททัวร์ท่องเที่ยว ชาน บราเธอร์ส ทราเวล ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ลูกค้าบางรายกังวลเรื่องมาตรการการเดินทาง และได้โทรมาสอบถามตัวเลือกต่าง ๆ สำหรับทริปไปออสเตรเลียที่จะถึงนี้ เนื่องจากมีมาตรการกักตัวแบบใหม่

โฆษกของบริษัทสกายไลน์ ทราเวล ของสิงคโปร์ ซึ่งขายแพคเกจทัวร์ไปยุโรปและเกาหลีใต้ กล่าวว่า ทางบริษัทกังวลถึงสถานการณ์ดังกล่าวแม้ขณะนี้จะยังไม่มีลูกค้ามาขอยกเลิกทริปก็ตาม

โมเดอร์นาเผยวัคซีนป้องกันโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน” พร้อมจำหน่ายเร็วสุดต้นปีหน้า

ดร.พอล เบอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการแพทย์ของโมเดอร์นา ประกาศว่า บริษัทจะสามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สูตรปรับปรุงใหม่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างเร็วที่สุดภายในต้นปีหน้า

“ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราน่าจะได้ทราบถึงระดับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีในปัจจุบันในการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แต่จุดเด่นประการหนึ่งของวัคซีนประเภท mRNA และแพลตฟอร์มของโมเดอร์นาก็คือเราสามารถพัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว” 

นายเบอร์ตันให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC พร้อมกล่าวเสริมว่า “หากต้องพัฒนาวัคซีนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ผมคาดว่าวัคซีนโมเดอร์นาจะพร้อมจำหน่ายในปริมาณมากได้ภายในช่วงต้นปีหน้า”

ทั้งนี้ นายเบอร์ตันระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีในปัจจุบันสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ระดับหนึ่ง โดยประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ผ่านไปหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี เขาได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นควรเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน หรือเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์หากมีสิทธิ์ได้รับ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศในวันศุกร์ (26 พ.ย.) ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบในแอฟริกาใต้นั้น เป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตก และอาจแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ เนื่องจากมีการกลายพันธุ์จำนวนมาก โดยเฉพาะใน 30 ตำแหน่งของสไปค์โปรตีน (Spike Protein) จึงทำให้สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้

ติดต่อโฆษณา!