16 ตุลาคม 2564
6,178

ลงทุนแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ กับโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคง

ลงทุนแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุ กับโอกาสสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคง
Highlight
  • 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอี-คอมเมิร์ชเติบโตชนิดก้าวกระโดด ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งพัสดุเติบโตและมีอนาคตเช่นกัน
  • BEST Express มีเป้าหมายต้องการให้ไทยเป็นฐานขยายธุรกิจขนส่งพัสดุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเห็นว่ามีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมจะเป็น Hub ของภูมิภาคนี้
  • ผู้ที่สนใจซื้อแฟรนไชส์ ค่าธรรมเนียมมีตั้งแต่ 500,000 บาท 1 ล้านบาท 2 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับการประเมินในแต่ละพื้นที่เศรษฐกิจไม่เหมือนกัน


ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอี-คอมเมิร์ชเติบโตชนิดก้าวกระโดด ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งพัสดุเติบโตและมีอนาคตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซึ่งคาดว่า “ขนส่งพัสดุ” จะเป็นสตาร์ที่น่าลงทุน สร้างความมั่นคงด้านรายได้ต่อไป

"BEST Express" (เบสท์ เอ็กซ์เพรส) เป็นแบรนด์ธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนสัญชาติจีนในรูปแบบแฟรนไชส์ 100% ที่เปิดให้บริการธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 คุณเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้บริหาร แฟรนไชส์ BEST Express  ได้ให้สัมภาษณ์ คอลัมน์ “SME Talk” ถึงโอกาส เงื่อนไขการมาเป็นสมาชิกแฟรนไชส์ BEST Express

20211016-a-01.jpeg

ทำไม “เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี” จึงขยายธุรกิจมาสู่เมืองไทย

“เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี” ที่ประเทศจีนมีวัตถุประสงค์ต้องการให้ไทยเป็นฐานขยายธุรกิจขนส่งพัสดุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเห็นว่า ไทยมีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมจะเป็น Hub ของภูมิภาคนี้ เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงทั้ง CLMV และประเทศอื่น ๆ ในย่านอาเซียนด้วยกัน พร้อมกันนี้ไทยยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย

โมเดลการดำเนินธุรกิจในเมืองไทยเป็นอย่างไร

การทำธุรกิจของ "BEST Express" ดำเนินในรูปแบบของการขยายแฟรนไชส์ โดยมีแฟรนไชส์หลัก (First Franchise) ดูแลในขอบเขตพื้นที่ที่ได้ตกลงกับทางบริษัทไว้ ซึ่งจะพิจารณาจากความหนาแน่นของประชากร และการเป็นเขตเศรษฐกิจของชุมชนหรือไม่ ตัวอย่างเช่นในกรุงเทพฯ มีจำนวนประชากรมาก มีกิจกรรมทางธุรกิจมาก ขนาดของพื้นที่รับผิดชอบแฟรนไชส์หลัก ก็จะเล็กกว่าต่างจังหวัด แต่ถ้าเป็นเมืองท่าหรือเมืองท่องเที่ยวก็จะมีจำนวนแฟรนไชส์หลัก มากเช่นเดียวกัน แต่ไม่เท่ากรุงเทพฯ

20211016-a-02.jpg

ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแฟรนไชส์หลักมีอะไรบ้าง

อำนาจหน้าที่ของแฟรนไชส์หลัก (First Franchise) คือเป็นทั้งจุดขารับและขากระจายพัสดุไปยังพื้นที่ของแฟรนไชส์หลักอื่นปลายทางที่ลูกค้าจ่าหน้าส่งพัสดุ พร้อมกันนี้ต้องมีพื้นที่คลังคัดแยกพัสดุอย่างน้อย 1,000 ตารางเมตร เพื่อเป็นพื้นที่รับพัสดุจากต่างพื้นที่มากระจายและจัดส่งไปยังผู้รับในพื้นที่ของตน รวมถึงยังทำหน้าที่บริหารแฟรนไชส์รอง (Sub Franchise)  หน้าร้านรับพัสดุ (Shop) และ จุดรับพัสดุ (Drop point) ที่อยู่ในพื้นที่ของตนให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น ซึ่งแฟรนไชส์หลัก ที่มีความแข็งแกร่งและมีเงินทุนขยายสาขาก็ไม่จำเป็นต้องมีซัพแฟรนไชส์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพิจารณาของทางแฟรนไชส์หลัก  แต่การมี Shop และ Drop point เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การกระจายการให้บริการสามารถครอบคลุมและทั่วถึง และสะดวกกับลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการจัดส่งพัสดุในพื้นที่ใกล้บ้าน

20211016-a-04.jpg

คุณสมบัติของแฟรนไชส์หลักมีอะไรบ้าง

คุณสมบัติที่สำคัญของแฟรนไชส์หลัก  1). จะต้องรู้จักโลจิสติกส์ในพื้นที่ของตนเป็นอย่างดี 2). มีประสบการณ์การบริหารทีมงาน 3). มีทักษะทางการตลาด 4).มีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 5 ล้านบาท, เงินจัดตั้งบริษัท 5 ล้านบาท ไม่รวมเงินลงทุนสร้างคลังพัสดุ และหน้าร้านเพื่อให้บริการรับพัสดุ 5). มีความตั้งใจ มั่นใจว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง เพื่อความยั่งยืนต่อไป  6). มีพื้นที่คลังพัสดุตั้งแต่ 100 - 1,000 ตารางเมตร 7) มีรถกระบะที่สามารถขนส่งพัสดุได้ไม่น้อยกว่าวันละ 2,000 ชิ้น

ส่วนค่าธรรมเนียมในการเข้าเป็นสมาชิกแฟรนไชส์หลัก (Franchise Fee)จะมีตั้งแต่ 500,000 บาท, 1 ล้านบาท, 2 ล้านบาท และ 3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับการประเมินในแต่ละพื้นที่เศรษฐกิจไม่เหมือนกัน ซึ่งหลัก ๆ แล้วค่าใช้จ่ายของแฟรนไชส์หลักประกอบด้วย 1.ค่าแฟรนไชส์ จะเก็บค่าเข้าร่วมเพียงครั้งเดียว , 2.ค่าประกันความเสี่ยง ประกอบไปด้วย การตรวจสอบ ค่าค้ำประกัน ค่าการันตี และเงินมัดจำ โดยทั้งหมดนี้ ทางเบสท์เอ็กซ์เพรสจะคืนให้หลังยกเลิกสัญญา, 3.ค่าประกันตกแต่งร้าน โดยจะคืนเงินให้หลังผ่านการตรวจสอบว่าผ่านตามมาตรฐานการตกแต่งของเบสท์ เอ็กซ์เพรส

20211016-a-03.jpg

ส่วนแฟรนไชส์รอง หน้าร้าน และ Drop Point ทำหน้าที่อะไรบ้าง

"แฟรนไชส์รอง" ทำหน้าที่คล้ายกับแฟรนไชส์หลัก เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องมีคลังคัดแยกพัสดุ อำนาจหน้าที่ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนส่วนแบ่งรายได้ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับแฟรนไชส์หลัก มอบหมายหรือแล้วแต่ตามตกลง 

หน้าร้าน (Shop) จะต้องตกแต่งร้านให้เป็นแพลทเทิร์นของ BEST Express และทำหน้าที่้เป็นหน้าร้านเพื่อรับพัสดุที่ลูกค้ามาส่ง การทำงานขึ้นตรงกับแฟรนไชส์หลัก หน้าที่และรายได้ขึ้นอยู่กับการตกลงกับแฟรนไชส์หลัก 

จุดรับพัสดุ หรือ Drop point ไม่จำเป็นต้องทำหน้าร้านเป็นแบบ BEST Express เพียงแต่รับธง ป้ายไวนิล สติ๊กเกอร์ไปติด เพื่อเป็นหน้าร้านในการรับพัสดุในชุมชนขนาดเล็ก เช่นเดียวกัน การทำงานและข้อตกลงต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแฟรนไชส์หลัก ในพื้นที่เป็นผู้กำหนด

20211016-a-07.jpeg

คนที่ซื้อแฟรนไชส์จะได้รับการสนับสนุนอย่างไรบ้างจากบริษัทแม่

“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ได้นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีส่วนช่วยในการจัดการระบบโลจิสติกส์เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งมากขึ้น เช่น

  • บริการ BEST2D Booking หรือ เบสท์ ทู ดอว์ บุ๊กกิ้ง (บริการเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้านฟรีไม่มีขั้นต่ำ)
  • บริการ BEST Tracking Alert (บริการแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติผ่าน LINE Official Account)
  • บริการ BEST Multiple Parcel (ส่งพัสดุหลายกล่องใน 1 เวย์บิล สู่ปลายทางเดียว)
  • บริการ BEST Big Parcel (ส่งพัสดุชิ้นใหญ่ได้สูงสุด 100 กิโลกรัม)
  • บริการ BEST COD 2% (เก็บเงินปลายทางโอนไวภายใน 1 วัน ผ่านธานาคารกสิกรไทย)
  • บริการ BEST Cross Border (ส่งพัสดุข้ามประเทศไทยไปมาเลเซีย)
  • บริการ BEST Express Application (การให้บริการผ่านแอปพลิเคชันบนแฟลตฟอร์มมือถือทั้งระบบ iOS และ Android) เป็นต้น

ทางบริษัทยังมีเงินสนับสนุนในการทำกิจกรรมการตลาดอย่างสม่ำเสมอ หากทำ KPI ได้ตามที่บริษัทกำหนด โดยจากสถิติของการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์หลัก ที่ผ่านมาจุดคุ้มทุนจะอยู่ระหว่าง 1-4 เดือน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการ  ส่วนรายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของพัสดุที่เข้ามา จากค่าเฉลี่ยนของแฟรนไชส์หลัก ที่ผ่านมาตกวันละอย่างน้อย 1,000 ชิ้น ตกรายได้วันละ 15,000 บาท 

สำหรับผู้สนใจลงทุนเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ เปิดแฟรนไชส์หลักกับ เบสท์ เอ็กซ์เพรส สามารถติดต่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแฟรนไชส์ที่ LINE Official Account : @BESTFSCENTER (มี@ด้วย) หรือคลิก https://line.me/ti/p/~@BESTFSCENTER

20211016-a-06.jpeg

ปัจจุบัน BEST Express มีกี่สาขา และมีเป้าหมายในอนาคตอย่างไรบ้าง

"BEST Express” ปัจจุบันนี้มีแฟรนไชส์กว่า 1,000 แห่ง กระจายทั่ว 77 จังหวัด เป้าหมายระยะสั้นของธุรกิจ BEST Express ต้องการเป็นธุรกิจด้านขนส่งพัสดุใหญ่เป็นอันดับ 1ใน 3 ของไทย ที่มีความยั่งยืนและมั่นคง มีเครือข่ายแฟรนไชส์ไม่น้อยกว่า 2,000 สาขาในปี 2565 ขยายการให้บริการขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ ด้วยเห็นว่าตลาดนี้มีคู่แข่งไม่มาก และมีศักยภาพสูงที่จะขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้เป้าหมายในระยะยาวต้องการขยายสาขาการจัดตั้งธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอาจจะเป็นการลงทุนหาแฟรนไชส์หลักที่ท้องถิ่นนั้น ๆ หรืออาจเป็นการขยายการลงทุนจากแฟรนไชส์หลักที่มีศักยภาพในเมืองไทยไปสู่อาเซียน

20211016-a-05.jpg

นอกจากนี้ในแง่ของประสิทธิภาพ" BEST Express” มีขีดความสามารถจัดส่งพัสดุในปี 2563 จำนวนประมาณ 240,000 ชิ้นต่อวัน ปี 2564 สามารถจัดส่งได้มากกว่า 400,000 ชิ้นต่อวัน ตั้งเป้าหมายว่าปี 2565 จะต้องให้ได้ 1 ล้านชิ้นต่อวัน สร้างมูลค่ารายได้การขนส่งพัสดุจาก 2,100 ล้านบาทในปี 2563 และตั้งเป้าว่าในปี 2565 จะต้องได้ 3,300 ล้านบาท โดยรักษาการเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 6% ซึ่งการขยายเครือข่ายแฟรนไชส์นับเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะให้ถึงเป้าหมายนั้น

อนึ่ง จากข้อมูลของไพรซ์ซ่าพบว่า ในปี 2020 มีพัสดุที่เข้ามายังตลาด E-Marketplace (โดยเฉพาะ Lazada Shoppee และ JD Central) กว่า 230 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นถึง 32% มีร้านค้า (ผู้ขาย) เพิ่มสูงขึ้นถึง 50% โดยปัจจุบันมีร้านค้าและแบรนด์ในตลาดอีมาร์เก็ต (นับบน LazMall และ ShopeeMall) สูงถึง 5,000 ร้านค้า ส่งผลให้ยอดจัดส่งพัสดุโดยรวมมีแนวโน้มสูงขึ้นถึง 4 ล้านชิ้นต่อวัน จึงนับได้ว่าธุรกิจขนส่งพัสดุเป็นอีกหนึ่งธุรกิจระดับดาวเด่นสำหรับ SME ไทย

ติดต่อโฆษณา!