04 กรกฎาคม 2565
1,649

ปรับพอร์ตกองทุนอย่างไร รับครึ่งปีหลัง : หาหลุมหลบภัยหรือธีมอะไรจะไปต่อ

Highlight

สถานการณ์การลงทุนในครึ่งปีหลังยังคล้ายๆกับครึ่งปีแรก เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ดอกเบี้ยแนวโน้มขาขึ้น สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนในระยะยาว บล.ฟิลลิปแนะนำลงทุนในธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ เช่นด้านพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า โดยแนะนำกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ หลักๆ ยังคงเป็นหุ้นสหรัฐและยุโรป และเสริมพอร์ตกองทุนหุ้นจีน เวียดนาม ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ


ศานุพงษ์ สุทัศน์ธรรมกุล  กรรมการบริหาร บมจ.หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดมุมมอง ภาพรวมการลงทุนในครึ่งปีหลัง 2565 ว่า ภาพรวมการลงทุนครึ่งปีหลังยังเหมือนครึ่งปีแรก Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนอาจจะตอบรับในเชิงบวก 

การขึ้นดอกเบี้ยไปอาจจะผ่อนคลาย การปรับขึ้นดอกเบี้ยส่งผลให้ภาพรวมการลงทุนมีทิศทางชัดเจนขึ้น นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นปรับขึ้นไปพอสมควร แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการลงทุน เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจ 

Fed ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วควบคุมเงินเฟ้อได้หรือไม่ ราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้น สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนกระทบกลับมาซ้ำเติมหรือไม่ หากยืดเยื้อต่อไป จะกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างไร ซึ่งจะต้องติดตามดูทิศทางสถานการณ์ในอนาคต
ดังนั้นในช่วงนี้ทิศทางตลาดหุ้นจะเป็นลักษณะแกว่งตัวแคบๆ หรือ sideway มีขึ้นและพร้อมที่จะลงได้ตลอด ตามปัจจัยต่างๆ ดังนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนในครึ่งปีหลัง ภาพยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากครึ่งปีแรก 

ปัจจัยการลงทุนที่ต้องจับตาในครึ่งปีหลัง

1. ช่วงที่ Fed. มีการประชุม FOMC เทรนด์ของดอกเบี้ยจะไปในทิศทางใด 

2. ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตัวเลขเศรษฐกิจ ว่าตอบรับในเชิงใด
ถ้าหากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดีนักและ Fed ยังขึ้นดอกเบี้ยอีก ลักษณะนี้อาจจะมีปัญหาได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น 

ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี Fed ให้แนวโน้มว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังแข็งแกร่งอยู่ ผลประกอบการของตัวบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อมากนัก ถ้าเป็นลักษณะนี้ค่อนข้างเบาใจได้ 

ดังนั้นนักลงทุนต้องจับตาดูไปเรื่อยๆว่าพัฒนาการของแต่ละ Factor ที่กล่าวมานั้นจะไปในทิศทางใด 

ดังนั้นในครึ่งปีหลัง ต้องดูภาพรวมเศรษฐกิจประกอบในการตัดสินใจลงทุน ถ้าลงทุนแล้วต้องมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ด้วย

นอกจากนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วเตรียมขึ้นดอกเบี้ยมานานแล้วในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาขึ้นช้ากว่า 

ปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร รับครึ่งปีหลัง : หาหลุมหลบภัยหรือธีมอะไรจะไปต่อ 

คุณศานุพงษ์ กล่าวว่า การจัดพอร์ตในช่วงนี้นักลงทุนจะต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในหลายสินทรัพย์ หรือ Diversify ไปในจุดที่จะคาดเดาได้ว่าในระยะยาว ผลตอบแทนจะออกมาดีหรือ ในอีก 6 เดือนข้างหน้า เราเห็นภาพชัดแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น policy divergence ของประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา 

ประเทศพัฒนาแล้ว เริ่มรัดเข็มขัด เริ่มทำ QT เริ่มปรับดอกเบี้ย ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา ยังต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เพราะฉะนั้นจะเห็นภาพชัดเจนในเรื่องของ Policy Divergence ในช่วง 6 เดือนนี้ 

สำหรับธีมการลงทุนระยะยาวๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Mega Trend ที่จะเกิดขึ้นในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ที่เห็นได้ชัดเจนมากว่าจะเกิดขึ้น เช่น เทรนด์พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก  รถ EV ได้รับความนิยมมากขึ้น เทรนด์ตรงนี้เห็นได้ชัดเจน เพราะในอนาคตจะพึ่งพาเฉพาะน้ำมันหรือพลังฟอสซิลอย่างเดียวนั้นไม่มั่นคงแล้ว ดังนั้นจึงต้อง Diversify ไปยังแหล่งพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก็ด้วย ดังนั้นข่วงนี้เป็นจังหวะที่น่าลงทุน 

ควรกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ไปในภูมิภาคไหน 

คุณศานุพงษ์ กล่าวว่า ควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังตลาดหุ้นสหรัฐ หุ้นยุโรป Global Equity ถ้าหากจะเพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศ แนะนำหุ้นจีน ซึ่งราคาตอบสนอง Zero  Covid Policy ไปเรียบแล้ว รอเพียงอย่างเดียวคือการเปิดประเทศของจีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นช่วงนี้เป็นจังหวะที่น่าลงทุน เพราะราคาปรับลงมาสมเหตุสมผล

การลงทุนใน Renewable Energy  ซึ่งหลายประเทศสนับสนุนและมีเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน ดังนั้นราคา ณ จุดนี้ความเหมาะสม ที่จะลงทุนระยะยาว

นอกจากนี้หุ้นเวียดนามก็น่าสนใจ เนื่องจากราคาปรับลดลงมาพอสมควรจากสถานการณ์โควิด และเห็นเทรนด์การเติบโตของเวียดนามที่ค่อนข้างสดใส  มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้าชัดเจน

20220704-a-01.jpg

กองทุนแนะนำ

กองทุนจีน 

MCHINAGA หรือกองทุนเอ็มเอฟซี ไชน่า อิควิตี้ ลงทุนในหุ้น A-SHARE เป็นหลัก เป็นกองทุนที่น่าสนใจ ที่ลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่

P-CGREEN กองทุนเปิด ฟิลลิป ไชน่ากรุ๊ป เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ เป็นการลงทุนในพลังงานสะอาด 

MRENEW กองทุนเปิด เอ็มเอฟซี รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี เป็นอีกหนึ่งกองทุนพลังงานสะอาดทั่วโลก

กองทุนเวียดนาม

ASP-VIET กองทุนเปิด แอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท ฟันด์ 

บริการจาก Phillip Fund Supermart 

บล.ฟิลลิป ได้จัดสรรกองทุนรวม ซึ่งไม่ได้ดูแค่ผลประกอบการ หรือผลการดำเนินงานของกองทุนเพียงอย่างเดียว แต่ได้พิจารณาเรื่องการประเมินระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนจะรับได้ โดยดูจากหลายปัจจัยมาประกอบกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือพิจารณาคุณภาพของกองทุนด้วยว่า มีคุณภาพในการบริหารเหมาะกับนักลงทุนประเภทไหน

เพราะฉะนั้นนักลงทุนบางคนอาจจะไม่เหมาะกับการลงทุนในบางประเภท หรือกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เพราะจะมาพร้อมกับความเสี่ยงสูงขึ้น 

Phillip Fund Supermart มีนักวิเคราะห์กองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุนที่พร้อมให้คำแนะนำ จัดสรร Portfolio ให้นักลงทุน รวมทั้งทำ Asset Allocation ซึ่งการควบคุมระดับความเสี่ยง ไม่ใช่การลงทุนในกองทุนที่ไม่เสี่ยง แต่เป็นการ Diversify ให้ระดับความเสี่ยงมีความเหมาะสมในแต่ละบุคคล

นักลงทุนแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน รับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน ซึ่งที่ปรึกษาการลงทุนจะเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับ Lifestyle ของนักลงทุน 

การลงทุนในปีนี้ หากลงทุนแล้วพอร์ตไม่ติดลบถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว แต่สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตติดลบ ทั้งติดลบมากและติดลบน้อย สามารถขอคำแนะนำการลงทุนจากที่ปรึกษาการลงทุนได้ 

“สำหรับกลุ่มที่ติดลบน้อย อาจจะมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนดีอยู่แล้ว เราอาจแค่มาดูว่าแต่ละกอง มีอะไรที่ต้องปรับแก้หรือไม่ ซึ่งอาจจะเลือกกองทุนที่อนาคตเติบโตและให้ผลตอบแทนสูงขึ้น” คุณศานุพงษ์ กล่าว 

นอกจากนี้หากเตรียมความพร้อมดี ผ่านช่วงสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบกับการลงทุนไปได้ ก็มาพิจารณาดูว่ากองทุนที่ลงทุนอยู่มีโอกาสเติบโตในอนาคตหรือไม่

กลุ่มที่พอร์ตติดลบมาก  ต้องสำรวจในแต่ละกองทุนที่ลงทุน ถ้าในอนาคตเห็นโอกาสที่เติบโตแนะนำให้ลงทุนต่อไป แต่ถ้ากองทุนไหนไม่มีอนาคต ก็ต้องยอมรับว่าเริ่มใหม่ง่ายกว่า 

ดังนั้นในวันนี้นักลงทุนได้รับคำตอบ สำหรับมุมมองการลงทุนในครึ่งปีหลังเป็นอย่างไร กองทุนแบบไหนมีโอกาสเติบโต และควรจะแก้พอร์ตติดลบอย่างไร  สำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมและข้อมูลเชิงลึก สามารถติดตามได้จากงานสัมมนาของ บล.ฟิลลิป ที่จะกำลังเกิดขึ้นในเร็วๆนี้

20220704-a-02.jpg

Phillip Fund Supermart เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “ติดดอย ARK, Tech จีน เอางัยดี ที่นี่มีคำตอบ” ในวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 18.30-20.00 น.โดยสามารถลงทะเบียนป่าน QR Code หรือ โทร. 02-635-1718

ติดต่อโฆษณา!