09 มีนาคม 2565
1,214

หุ้นดีดกลับ รับข่าวยูเครนถอดใจไม่ร่วมนาโต! แนะปรับพอร์ตรับมือเงินเฟ้อ-สงคราม

หุ้นดีดกลับ รับข่าวยูเครนถอดใจไม่ร่วมนาโต! แนะปรับพอร์ตรับมือเงินเฟ้อ-สงคราม
Highlight

หุ้นดีดกลับ! รับข่าวยูเครนถอดใจไม่ร่วมนาโต ลุ้นเจรจารัสเซียรอบที่ 4 พรุ่งนี้ แต่สงครามการคว่ำบาตรยังคงอยู่ ดันราคาน้ำมันสูงต่อเนื่อง ด้าน Fed คาดปรับดอกเบี้ยคุมเงินเฟ้อวันพรุ่งนี้เช่นกัน นักวิเคราะห์แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานและธนาคาร


ดัชนีตลาดหุ้นไทยพักเที่ยงปิดที่ 1,628.42 จุด บวก 9.32 จุด หรือ 0.58% มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 63,834.63 ล้านบาท โดยบล.ทิสโก้ มองว่าสถานการณ์สู้รบในยูเครนทรงตัว และรอติดตามการเจรจารอบใหม่ระหว่างยูเครน-รัสเซียในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งมองกรอบการรีบาวด์ยังเป็นไปอย่างจำกัด จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ยูเครน และความกังวลต่อเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 

ด้วยตลาดระยะสั้นมีความผันผวนสูง แนะนำ Wail & See เป็นกลยุทธ์หลัก แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เน้นเก็งกำไรแบบเข้าออกไวไม่หวังส่วนต่างราคามาก ส่วนพอร์ตลงทุน หาจังหวะอ่อนตัวสะสม-ตั้งรับ  

ยูเครนถอดใจไม่เข้าร่วมนาโตแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ว่า ในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวถึงความมุ่งมั่นของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ว่า “จะไม่เรียกร้องอีก” เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่านาโต “ไม่ประสงค์รับยูเครนเป็นสมาชิก” และเขาไม่ต้องการเป็นผู้นำประเทศที่ “คุกเข่าอ้อนวอนขออะไรจากใคร”

เซเลนสกี ประนาม นาโต ขี้ขลาด

อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีประณามนาโต “มีความหวาดกลัวและไม่กล้าเผชิญหน้า” กับรัสเซีย จากการที่ นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ยืนกรานว่า สหภาพทางทหารแห่งนี้ไม่มีทางเป็นฝ่ายประกาศเขตห้ามบินเหนือยูเครน ด้วยเหตุผลว่า หากทำเช่นนั้นจะเป็นการนำตัวเองเข้าสู่สงครามกับรัสเซีย

ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า เขา “พร้อมประนีประนอม” ความต้องการของรัฐบาลมอสโก ในการยอมรับว่า คาบสมุทรไครเมียเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย พร้อมยอมรับ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” และ “สาธารณรัฐลูฮันสก์” ในภูมิภาคดอนบาส ที่อยู่ทางตะวันออกของยูเครน “ในฐานะรัฐอิสระ” 

ยูเครนมีแนวโน้มประนอมรัสเซีย

อย่างไรก็ดี เซเลนสกียืนยันว่า “การประนีประนอม” หมายถึง “พร้อมเจรจา” และ “ต้องไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขให้ยอมจำนน” พร้อมทั้งย้ำว่า เขาพร้อม “เจรจาโดยตรง” กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งยังคงไม่ตอบสนองที่จะให้เขาเข้าพบ

ขณะที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาสามัญของสหราชอาณาจักร ยืนยันว่า ทุกภาคส่วนในยูเครน “จะร่วมกันต่อสู้จนถึงที่สุด” เรียกร้องการยกระดับคว่ำบาตรรัสเซีย และกล่าวอีกครั้งเกี่ยวกับเขตห้ามบิน แม้รัฐบาลสหราชอาณาจักรปฏิเสธไปแล้วก็ตาม

รัสเซียมองนาโตเป็นภัยคุกคามความมั่นคง

ทั้งนี้ รัสเซียมองการขยายอิทธิพลของนาโตในยุโรปตะวันออก “เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงอย่างร้ายแรง” และประกาศชัดเจนมาตลอด ว่ายูเครน “ต้องเป็นกลางทางทหาร” แต่ท่าทีล่าสุดของผู้นำยูเครนยังไม่ชัดเจน ว่าจะส่งผลต่อการเจรจากับรัสเซียในครั้งต่อไปหรือไม่ โดยนายเดวิด อาราคาเมีย หนึ่งในสมาชิกคณะผู้แทนเจรจาสันติภาพของยูเครน กล่าวว่า มีการยื่นข้อเสนอ พร้อมเจรจาทั้งในระดับทวิภาคีกับรัสเซีย หรือพหุภาคีกับอีกหลายฝ่าย เกี่ยวกับ “กรอบความร่วมมือนอกนาโต” หมายถึง การมีหลักประกันด้านความมั่นคงจากสหรัฐ สหราชอาณาจักร จีน ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี

20220309-a-01.jpg

ลงทุนอย่างไร ให้ชนะเงินเฟ้อ-สงคราม

นักวิเคราะห์ชี้ ควรมองการลงทุนระยะยาว ไม่มองสั้น จังหวะนี้ไม่ใช่ช่วงเก็งกำไรที่ดี แนะกำเงิน รอจังหวะแบ่งไม้รับช่วงร่วงหนัก เก็บกลุ่มหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ชนะเงินเฟ้อ-สงคราม ทยอยสะสมเข้าพอร์ต

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด แนะนำว่านักลงทุนแนวเน้นคุณค่า (Value Investors : VI) สถานการณ์ การลงทุนในช่วงจังหวะเงินเฟ้อและสงครามนั้น ค่อนข้างมองได้ยาก น้ำมันราคาสูงต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่ใช่จังหวะที่ดีในการเล่นเก็งกำไร ถ้าเก็งกำไรได้แสดงว่ามีโชคไม่ใช่ฝีมือ เพราะเราไม่มีทางรู้ใจปูติน หรือไบเดนว่าคิดอย่างไร

ถ้าดูจากสถานการณ์สงคราม การเจรจาไม่ได้จบลงง่ายๆ ไม่ใช่การเจรจาทางการค้า ดังนั้นถ้าจะจบคือต้องจบจริง หยุดยิงจริง ไม่ใช่มีอุบัติเหตุปละปลาย โทษกันไปมา อาจจะลำบากนิดนึง ดังนั้นถ้าเราเก็งกำไรบนความที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งมันไม่มีตลาดที่ควบคุมได้ 

เพียงแต่ว่าถ้าเราลงทุนเพื่อเก็งกำไรบนพื้นฐานที่เข้าใจ ถ้าไม่คุ้มค่าความเสี่ยงในการเก็งกำไรเราก็ไม่ควรเข้า มันไม่คุ้มค่า ถึงแม้ว่ามันจะลงไปลึกแค่ไหนแล้วเราจะไปเล่นเด้งแค่ 5-6 จุดมันต้องติดตามใกล้ชิดมากๆ

แต่ถ้าเป็นนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังพอมีหุ้นที่ทยอยเก็บได้ในช่วงที่มีการปรับตัวลดลง โดยที่อาจไม่ต้องรอให้ลงหนักๆแล้วค่อยเก็บ ทั้งนี้ปัจจัยข้างหน้าคือเรากลัวเงินเฟ้อ สงครามคงไม่จบง่ายๆแต่เชื่อว่าคงไม่ลุกลาม ดังนั้นคงไม่ต้องรอให้ทุกอย่างจบชัดเจนเพราะหุ้นจะเด้งก่อนที่ทุกอย่างชัด

หุ้นปลอดภัยจากเงินเฟ้อ 

กลุ่มแรก คือ สินค้าจำเป็น เพราะคนไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย เช่น กลุ่มโรงพยาบาล หรือ ค้าปลีกเพราะค้าขายในประเทศ และด้วยต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นก็สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าได้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มยารักษาโรค เวชภัณฑ์ และหุ้น ICT ถือว่าน่าสนใจ แม้ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ถือว่าปรับขึ้นเป็นกลุ่มท้ายๆเมื่อเทียบหุ้นกลุ่มอื่นๆ และราคาถือว่ามีการปรับตัวลงรอบนี้ด้วย 

ดังนั้นถ้าตลาดเกิด Panic ลงมาราคาจะเริ่มลงตามมาก็สามารถลงทุนได้ เพราะถ้าตลาดหุ้นลงไปจุดต่ำสุดก็ต้องไปซื้อหุ้น BANK , PROPERTY  หรือ กลุ่มส่งออก ร้านอาหารที่เป็นเชนใหญ่ๆกำไรเริ่มกลับมา ร้านขายเครื่องดื่ม เป็นต้น

กลุ่มสองที่มองคือพอผ่านไปสักพักแล้วหุ้นเริ่มลงแรงๆ ลงสัก 20-30% จาก 1750 จุด ก็จะเริ่มไปมองกลุ่ม  BANK และ PROP

สรุปหุ้นกลุ่มแรกที่แนะนำคือ เครื่องดื่ม,อาหาร,ยารักษาโรค,โรงพยาบาล,ค้าปลีก ส่วนกลุ่มสองซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ที่ดัชนีลงแรงๆ เช่นหุ้นธนาคารและอสังหาริมทรัพย์น่าสนใจ โดยเน้นหุ้นที่อยู่ใน SET50 เป็นหลัก

ปรับพอร์ตรับสถานการณ์สงคราม

บล.บัวหลวง มองในจังหวะที่เกิดการปรับฐานใหญ่ครั้งนี้จากภัยสงคราม (ยูเครน-รัสเซีย) จึงเกิดการปรับพอร์ตครั้งสำคัญจากฝั่งนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเลือกขายหุ้นที่กระทบโดยตรงจากผลกระทบต้นทุนฯ และเศรษฐกิจตกต่ำ

เห็นได้ชัดในหุ้นที่ปรับลงแรงรอบนี้ อย่าง โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี โรงกลั่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ร้านอาหาร ธนาคาร สินค้าฟุ่มเฟือย เราคาดว่าการจัดสรรเงินลงทุนครั้งใหม่ 

โดยหลังการปรับพอร์ตครั้งนี้ จะหันมาเลือกซื้อหุ้นที่ 1. เป็นกลุ่ม Defensive 2. ทนต่อเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจตกต่ำ 3. สามารถปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนได้ ยิ่งมีแนวโน้มผลการดำเนินงาน ที่ดีต่อเนื่องใน 1Q-2Q ได้ยิ่งดี 

ขณะที่ในแง่ดัชนีปัจจุบันปรับตัวลงจาก peak แล้ว 5.7% หากเทียบสถิติของ MSCI Emerging Market เวลาเกิดเหตุการณ์ Geopolitical Risk ที่ลดลงเฉลี่ย 6.3% แปลว่า Downside risk เริ่มจำกัด กรณีไม่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเหตุการณ์ปานปลายมากกว่านี้

ด้านปัจจัยพื้นฐาน กลุ่มหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ได้แก่ โรงพยาบาล (BDMS, BH) สื่อสาร (ADVANC, INTUCH) มีเดีย (BEC) และโลจิสติกส์ (PSL, RCL, LEO, III)

ติดต่อโฆษณา!