09 กรกฎาคม 2565
7,845

รู้จักโรค “จำหน้าคนไม่ได้” หรือ “โพรโซแพ็กโนเซีย” ‘แบรด พิตต์’ ดาราออสการ์ เชื่อตัวเองป่วยโรคหายาก

รู้จักโรค “จำหน้าคนไม่ได้” หรือ “โพรโซแพ็กโนเซีย” ‘แบรด พิตต์’ ดาราออสการ์ เชื่อตัวเองป่วยโรคหายาก
Highlight

“แบรด พิตต์” นักแสดงชายผู้โด่งดัง เผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาเป็นโรคโพรโซแพ็กโนเซีย (prosopagnosia)
ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อย ซึ่งมักเรียกกันว่า โรคลืมใบหน้าหรือภาวะบอดใบหน้า ทำให้ผู้คนมองว่าเขาห่างเหิน
ไม่สามารถเข้าถึงได้ อีโก้จัด หรือหยิ่งจองหอง อันที่จริงโรคเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโดยตรง แพทย์ดูแลโดยการให้ผู้ป่วยจดจำผู้คนจากสิ่งอื่นแทน เช่นเสียงพูด รอยตำหนิต่างๆ เป็นต้น

สำนักข่าวฟอกซ์ นิวส์รายงานเมื่อ 7 ก.ค. 2565 ว่า “แบรด พิตต์” นักแสดงชายผู้โด่งดัง เผยในการให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาเป็นโรคโพรโซแพ็กโนเซีย (prosopagnosia) ซึ่งเป็นโรคทางระบบประสาทที่พบได้บ่อย ซึ่งมักเรียกกันว่า โรคลืมใบหน้าหรือภาวะบอดใบหน้า

20220709-b-02.jpg

ตอนนี้ แบรด พิตต์ มีอายุ 58 ปี ยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ แต่เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ว่า เขาต้องต่อสู้มาหลายปีในการจดจำใบหน้าของผู้คน ทำให้ผู้คนมองว่าเขาห่างเหิน ไม่สามารถเข้าถึงได้ และหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง

 

ก่อนหน้านี้ ในปี 2556 แบรด พิตต์ เผยกับ Esquire ว่า การที่เขาไม่สามารถจดจำใบหน้าของผู้คนได้นั้นรุนแรงมากจนทำให้เขาอยากแยกตัวออกมาอยู่บ่อยครั้ง และมีคนจำนวนมากเกลียดเขา เพราะผู้คนคิดว่า เขาไม่ให้เกียรติและไม่มีเคารพ และมักถูกมองเป็นพวกอีโก้จัด หยิ่งจองหอง

 

รู้จักโรค.. โพรโซแพ็กโนเซีย

 

ทั้งนี้ โรคโพรโซพาโนเซีย (prosopagnosia) โรคประหลาดลืมใบหน้าคน รวมทั้งหน้าตัวเองและคนใกล้ชิดเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบประสาท มักจะเป็นมาโดยกำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังก็ได้ ซึ่งอาการและการรักษาจะแตกต่างกันออกไปในผู้ป่วยแต่ละคน

 

อาการหลงๆ ลืมๆ ทั่วไป อาจทำให้คุณลืมชื่อของคนที่เคยพบเจอมาก่อนแม้ว่าจะสามารถจดจำใบหน้าคนๆ นั้นได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า
มีโรคประหลาดชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยลืมใบหน้าของคนใกล้ชิด แม้สามารถจดจำสิ่งอื่นๆ ได้ก็ตาม

 

อาการผิดปกติทางสมองที่มีชื่อทางการแพทย์ว่า "โพรโซแพ็กโนเซีย"(Prosopagnosia)

หรือ “โรคลืมใบหน้า” เป็นอาการที่ไม่พบบ่อยนัก ซึ่งทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถจดจำใบหน้าคนได้ ซึ่งอาจรวมถึงใบหน้าของสมาชิกในครอบครัว และใบหน้าของตัวเองด้วย

 

คุณ Dacia Reid หนึ่งในผู้ป่วยโรค Prosopagnosia เคยถูกกระทบกระเทือนทางสมองเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก ซึ่งแม้เธอจะหายดีแล้ว แต่นั่นก็ยังทำให้เธอไม่สามารถจดจำใบหน้าคนได้ หมายความว่าหากพบใครเป็นครั้งที่สอง มีโอกาสสูงที่เธอจะลืมใบหน้าของคนๆ นั้น

 

คุณ Brad Duchaine นักประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Dartmouth และเพื่อนร่วมงาน ได้รวบรวมผู้ป่วยโรค Prosopagnosia 20 คน
เพื่อศึกษาอาการของโรคประหลาดนี้ โดยพยายามทำความเข้าใจการทำงานของสมองของผู้ป่วย ว่าแตกต่างจากสมองของคนทั่วไปอย่างไร

 

จริงๆ โรค Prosopagnosia เริ่มค้นพบมานานแล้ว คือราว 150 ปีก่อน แต่ยังไม่พบผู้ป่วยโรคนี้มากนัก และการศึกษาทำความเข้าใจก็คงยังเป็นไปอย่างจำกัด แพทย์ยังคงไม่สามรถระบุได้ว่าอะไรคือสาเหตุของโรคดังกล่าว และการวินิจฉัยก็ทำได้ยาก เนื่องจากอาจเกิดความสับสนกับอาการหลงๆ ลืมๆ ทั่วไป

 

คุณ Brad Duchaine ชี้ว่า ผู้ป่วยโรคลืมใบหน้า อาจสามารถจดจำได้ว่าจอดรถไว้ที่ไหน เส้นทางที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือจำเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ แต่กลับลืมใบหน้าของคนรู้จักได้ง่ายๆ เนื่องจากสมองส่วนที่จดจำใบหน้านั้นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

 

ซึ่งนอกจากอาการหลงลืมใบหน้าแล้ว ผู้ป่วยอาจไม่สามารถบอกลักษณะต่างๆ จากใบหน้า เช่น อายุ เพศ หรือการแสดงสีหน้า

 

ผู้ป่วยบางคนที่ไม่รุนแรงนักอาจสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้โดยไร้ปัญหา แต่ผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นปลีกตัวออกจากสังคม
กระทบหน้าที่การงาน ขาดความสัมพันธ์ส่วนบุคคล หรืออาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้

 

สาเหตุของภาวะบอดใบหน้า หรือ Prosopagnosia

 

  1. Developmental prosopagnosia การมีอาการของภาวะบอดใบหน้าโดยไม่ได้เกิดจากการกระทบกระเทือนทางสมอง การพัฒนา เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือเกิดขึ้นตั้งแต่เกิด Prosopagnosia ประเภทนี้มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีประวัติพ่อแม่หรือครอบครัวที่มีอาการผิดปกติคล้ายคลึงกัน ความผิดปกติทางพันธุกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น ออทิสติก กลุ่มอาการเทิร์นเนอร์ และกลุ่มอาการวิลเลียมส์
  2. Acquired prosopagnosia การมีอาการของภาวะบอดใบหน้าหลังจากได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตามมาหลังจากตกอยู่ในภาวะสมองขาดเลือด หรือได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงทางศีรษะ ส่งผลทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือน

 

อาการที่ผู้ที่เป็นโรค Prosopagnosia สามารถสัมผัสได้

 

ผู้ที่มีประสบการณ์ prosopagnosia อาจพบข้อร้องเรียนหรืออาการบางอย่างต่อไปนี้

 

  • จำหรือระบุใบหน้าใครไม่ได้ ไม่ว่าหน้าใครหรือใบหน้าของเขาเอง
  • ไม่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือการแสดงออกทางสีหน้าและสีหน้าได้
  • เป็นการยากที่จะกำหนดอายุและเพศของบุคคลโดยประมาณจากรูปร่างหน้าตาของเขา
  • ดูเหมือนเป็นเรื่องยากที่จะจดจำใบหน้าและตัวละครของพ่อแม่ในภาพยนตร์หรือการ์ตูน หากผู้ประสบภัยยังเป็นเด็ก

 

แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะจดจำใบหน้าของบุคคล เพศ และอายุได้ แต่ผู้ที่มีภาวะพร่องหลอดเลือดมักมีความชัดเจนในการมองเห็นตามปกติ Prosopagnosia มักจะทำให้ผู้ป่วยมีปฏิสัมพันธ์หรือเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ยาก สิ่งนี้สามารถทำให้ผู้ประสบภัยมีความเครียดรุนแรงหรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้า

 

วิธีการวินิจฉัยและรักษา Prosopagnosia

 

โรค Prosopagnosia เป็นภาวะทางการแพทย์ที่ต้องตรวจและรักษาโดยนักประสาทวิทยา ในการวินิจฉัยโรคนี้ แพทย์สามารถทำการตรวจร่างกายและสนับสนุนการตรวจ เช่น CT scan, MRI สมอง และ EEG

 

แพทย์จะทำการตรวจทางจิตเวชด้วยว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางจิตที่เสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะพร่องหลอดเลือดหรือไม่

 

หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค prosopagnosia และทราบสาเหตุแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาจากแพทย์ทันที

 

ตัวอย่างเช่น หากภาวะนี้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง แพทย์จะจัดการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ในขณะเดียวกัน หากเกิดจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง แพทย์จะให้การรักษาเพื่อเอาชนะอาการบาดเจ็บ

 

Prosopagnosia ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความพิการแต่กำเนิด ความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือรุนแรงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อย่างไรก็ตาม แพทย์สามารถฝึกอบรมผู้ป่วยเพื่อให้พวกเขาสามารถโต้ตอบกับผู้อื่นได้ เช่น กับกิจกรรมบำบัด

 

การหยุดชะงักของการสื่อสารและการไม่สามารถเข้าสังคมยังทำให้ผู้ประสบภัยมักจะรู้สึกเหงา ทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง ในกรณีนี้แพทย์ยังสามารถให้การรักษาในรูปแบบของจิตบำบัด

 

ภาวะที่จำใบหน้าได้ยากอาจรบกวนชีวิตทางสังคมและคุณภาพชีวิตของผู้ประสบภัยได้ ดังนั้น หากคุณหรือบุตรหลานของคุณมีอาการที่บ่งบอกถึงภาวะโพรโซพาโนเซีย(prosopagnosia) ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรับการรักษาที่เหมาะสม

 

และถึงแม้ปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีรักษาโรคประหลาดนี้ แต่นักวิจัยหวังว่าการศึกษาครั้งนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงการเกิดโรคนี้มากขึ้น เพื่อนำไปสู่การค้นพบวิธีรักษาได้ในอนาคต แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น แพทย์ได้แนะนำให้ผู้ที่คิดว่าตนอาจมีอาการของโรคดังกล่าวเข้ารับการวินิจฉัยและฝึกฝนวิธีต่างๆ ที่จะช่วยเสริมความสามารถในการจดจำใบหน้าคนได้บ้าง เช่น การจดจำตำแหน่งที่นั่งของเพื่อนร่วมงานแต่ละคน จดจำการแต่งกาย หรือเครื่องประดับที่เพื่อนหรือคนในครอบครัวชอบใส่ รวมทั้งการฝึกจดจำและจำแนกเสียงของแต่ละคน

 

ที่มา : news.ch7.com ,VOA Thai,tv.voiceoftrans.com

ขอบคุณภาพ : วิกิพีเดีย

ติดต่อโฆษณา!